เที่ยวโอฮาระ คิบูเนะ ฟูชิมิ ในวันเดียว
พอเริ่มวางแผนว่าปีนี้จะไปเกียวโตแน่ๆ ก็ไปหาดูว่ามีที่ไหนน่าไปบ้าง
ดูไปดูมาก็อยากไปหลายที่อยู่ แต่ "โอฮาระ" เป็นเมืองที่อยากไปมากที่สุด
เพราะดูน่าจะสงบ คนน้อย มีชุมชนเกษตรและวัดเก่าๆ เยอะ
คนไม่เยอะ เราน่าจะชอบอะไรแบบนั้น
เลยเพิ่มวันที่จะนอนที่เกียวโตไปอีก 1 วันเพื่อโอฮาระเลย
เช้าวันที่ 4 ที่เกียวโต วันนี้อากาศดีมากๆ ดูจากฟ้าฝนแล้วไม่มาแน่ๆ
ดูไปดูมาก็อยากไปหลายที่อยู่ แต่ "โอฮาระ" เป็นเมืองที่อยากไปมากที่สุด
เพราะดูน่าจะสงบ คนน้อย มีชุมชนเกษตรและวัดเก่าๆ เยอะ
คนไม่เยอะ เราน่าจะชอบอะไรแบบนั้น
เลยเพิ่มวันที่จะนอนที่เกียวโตไปอีก 1 วันเพื่อโอฮาระเลย
เช้าวันที่ 4 ที่เกียวโต วันนี้อากาศดีมากๆ ดูจากฟ้าฝนแล้วไม่มาแน่ๆ
เหมาะแก่การไปเดินชิวๆที่ คิบูเนะ โอฮาระ เป็นอย่างยิ่ง และถ้ามีเวลาจะแถมฟูชิมิอีกสักที่
บังเอิญโรงแรมที่เราพัก มีป้ายรถเมล์ข้างหน้าเลย จะไปไหนมาไหนก็สะดวกมากๆ
วันนี้เราเลยเริ่มต้นด้วยการขึ้นรถเมล์สาย 205 หน้าโรงแรมนี่แหละ ป้ายนั้นเลย
ปะ..ไปกัน
และคืนนี้เราจะย้ายไปนอนที่โอซาก้ากันแล้ว
ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อนละกันนะ เดี๋ยวเย็นๆ ค่ำๆ มาเอา
ช่วงเช้าเราจะไปเมือง Kibune กันก่อนนะ จะไปศาลเจ้าคิฟูเนะ
จำดีๆ เมืองชื่อ คิบูเนะ ศาลเจ้าชื่อ คิฟูเนะ
จำดีๆ เมืองชื่อ คิบูเนะ ศาลเจ้าชื่อ คิฟูเนะ
ขึ้นรถสาย 205 หน้าโรงแรม นั่งไปเรื่อยๆ
สาย 205 ที่เราขึ้นมา จะวนผ่านมาที่สถานีเกียวโตก่อน
ส่วนใครจะมาเริ่มที่สถานีเกียวโตก็ขึ้นคันนี้ได้เลยนะ
ส่วนใครจะมาเริ่มที่สถานีเกียวโตก็ขึ้นคันนี้ได้เลยนะ
ดูดีๆ ว่าเข้าหรือออกเมืองนะ
เราใช้ google map ในการเดินทางเป็นหลัก
นั่งไป 13 ป้าย ดูจาก map ลงที่ป้ายอะไรก็อ่านไม่ออก
นั่งไป 13 ป้าย ดูจาก map ลงที่ป้ายอะไรก็อ่านไม่ออก
นับๆ เลข และดู GPS เอาละกัน
และแผนคือจะเดินไปต่อรถไฟที่ สถานี Demachiyanagi นะ
เดินตามเส้นประเลย อากาศดี เดินเรื่อยๆ ชิวๆ
เดินตามเส้นประเลย อากาศดี เดินเรื่อยๆ ชิวๆ
พอถึงป้ายที่ 13 ลงจากรถมาก็ข้ามถนน เดินไปทางนั้นเลย
เดินไปเรื่อยๆข้ามสะพานที่ 1
เดินข้ามสะพานที่ 2 แถวๆริมน้ำนี่สวยมากๆ
ทั้งสองสะพานนี้เป็นจุดบรรจบกันระหว่าง 2 แม่น้ำนะ
Kamo River กับ Takano River
ทั้งสองสะพานนี้เป็นจุดบรรจบกันระหว่าง 2 แม่น้ำนะ
Kamo River กับ Takano River
เดินข้ามสะพานปุ๊บก็ถึงเลย Demachiyanagi Station ชื่อเรียกยากจัง
จำตึกจำถนนแถวๆนี้ไว้หน่อย เดี๋ยวตอนเย็นต้องกลับมาตรงนี้อีก
รถไฟที่เราขึ้นแบบนี้นะ หน้าตาเหมือนรถไฟทั่วไป แต่นี่เป็นรถไฟท่องเที่ยวนะ
ที่นั่งในรถไฟขบวนนี้สามารถหมุนได้ 360 เลย จะหมุนดูวิวนอกหน้าต่าง
หรือหมุนนั่งหันหน้าเข้าหากันจะหมุนยังไงก็ได้ เราขอหันหน้าหน้าต่างออกชมวิวละกัน
เบาะนั่งสบายอย่างกับโซฟาที่บ้านเลย ใหญ่จริงๆ
เบาะนั่งสบายอย่างกับโซฟาที่บ้านเลย ใหญ่จริงๆ
รถจะวิ่งจากสถานี Demachiyanagi ไปสุดทางที่ Kuruma Station นะ
แต่เราจะไป Kibune ต้องลงก่อน 1 สถานี ชื่อ Kibuneguchi Station
เจอพี่คนไทย 2 คน พี่เค้านั่งยาวไปลงที่ Kuruma เลย
คงมีอะไรดีๆ แน่เลยเอาไว้วันหลังมาใหม่ละกันเนอะ
คงมีอะไรดีๆ แน่เลยเอาไว้วันหลังมาใหม่ละกันเนอะ
นั่งรถชมวิวแป๊บเดียวใช้เวลา 20 นาทีนิดๆ
ลงจากรถไฟที่สถานี Kibuneguchi Station มาก็ข้ามถนนเล็กๆ
มายืนรอรถฝั่งตรงข้ามสถานี มีป้ายรถเมล์เล็กๆ
คันไหนมาจอดขึ้นเลยนะ น่าจะมีอยู่สายเดียว
คันไหนมาจอดขึ้นเลยนะ น่าจะมีอยู่สายเดียว
รถจะพาเราไปที่ Kifune Bus Teizen Kyoto Bus เลย สุดสาย
วิวข้างทางดีมากกกก เพลินในเพลิน
หยิบตังค์แป๊บนะ คนละ 160 เยน
สุดสายแล้ว..นั่งมาไม่ถึง 5 นาทีเลย ตรงนี้มีห้องน้ำให้เข้าด้วยนะ
สะอาดเหมือนเคย ขนาดอยู่กลางป่ากลางเขานะเนี่ย
สำหรับคนรักต้นไม้ ฟินเฟอร์แน่นอน
เดินผู้คนไปตามทางเรื่อยๆ เจอร้านอาหารน่ากินเยอะเลย
กลิ่นหอมๆของโชยุฟุ้งทั่วไปหมด แต่ร้านยังไม่เปิดนะนี่เก้าโมงนิดๆ เอง
กลิ่นหอมๆของโชยุฟุ้งทั่วไปหมด แต่ร้านยังไม่เปิดนะนี่เก้าโมงนิดๆ เอง
ในที่สุด ถึงแล้ว..ศาลเจ้าคิฟูเนะ (Kifune Jinja) แห่งเมือง Kibune
เดินขึ้นบันไดอีกนิด อะออกแรงกันหน่อย
บันไดหินที่ประดับด้วยโคมไฟสีแดงเรียงรายตลอดแนว สวยจัง
บันไดหินที่ประดับด้วยโคมไฟสีแดงเรียงรายตลอดแนว สวยจัง
ที่เราอยากมา ศาลเจ้าคิฟูเนะ เพราะเป็นศาลเจ้าเทพเจ้าแห่งสายน้ำ
ที่อยู่ท่ามกลางป่าสนสวยๆ คนญี่ปุ่นนิยมมาขอพรเรื่องน้ำการเกษตรกัน
ถ้าน้ำแล้งก็ขอให้มีน้ำ ถ้าน้ำมากไปก็ขอให้น้ำลดอะไรประมาณนั้น
ที่อยู่ท่ามกลางป่าสนสวยๆ คนญี่ปุ่นนิยมมาขอพรเรื่องน้ำการเกษตรกัน
ถ้าน้ำแล้งก็ขอให้มีน้ำ ถ้าน้ำมากไปก็ขอให้น้ำลดอะไรประมาณนั้น
ทำมาหากินราบรื่น ชุ่มชื่น ความรักดี และมีม้าเป็นสัญลักษณ์
อีกอันนึงที่น่าสนใจคือใบทำนายของที่ศาลเจ้าคิฟูเนะ
ต้องเอาไปแช่น้ำแล้วจะมีคำทำนายที่ซ้อนไว้ขึ้นมา แต่เป็นภาษาญี่ปุ่นนะ
อ่อ ที่ใบทำนายมี QR Code ให้สแกนแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะ
เอาใจนักท่องเที่ยวมากๆ แผ่นละ 200 เยน
เอาไปลอยน้ำก่อน
ต้องเอาไปแช่น้ำแล้วจะมีคำทำนายที่ซ้อนไว้ขึ้นมา แต่เป็นภาษาญี่ปุ่นนะ
อ่อ ที่ใบทำนายมี QR Code ให้สแกนแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะ
เอาใจนักท่องเที่ยวมากๆ แผ่นละ 200 เยน
เอาไปลอยน้ำก่อน
ออกมาแล้ว..ดีใช้ได้เลย
และก็เอาใปอธิษฐานและไปผูกไว้นะ ไม่ต้องเอากลับก็ได้
ตัวอาคารสร้างด้วยไม้สวยมากๆ
เช้าๆ แบบนี้เงียบสงบ ดีจัง
มีจุดให้นักท่องเที่ยวได้นั่งชมวิวพักผ่อนด้วย
ศาลเจ้านี้ไม่ได้ใหญ่มาก เดินเล่น นั่งเล่นอยู่พักนึง ถึงเวลาไปต่อแล้ว
จริงๆ ที่คิบูเนะนี้มีศาลเจ้าและสถานที่ท่องเที่ยวอีกเยอะเลยนะ
แต่เราเวลาน้อยก็ขอแค่นี้ก่อน ไว้จะมาอีกทีนะ ช่วงพีคใบไม้เปลี่ยนสีน่าจะสวยมากๆ
ตอนเรามาขนาดไม่ค่อยแดงยังสวยมากเลย
จริงๆ ที่คิบูเนะนี้มีศาลเจ้าและสถานที่ท่องเที่ยวอีกเยอะเลยนะ
แต่เราเวลาน้อยก็ขอแค่นี้ก่อน ไว้จะมาอีกทีนะ ช่วงพีคใบไม้เปลี่ยนสีน่าจะสวยมากๆ
ตอนเรามาขนาดไม่ค่อยแดงยังสวยมากเลย
แล้วก็เดินกลับมาที่ป้ายรถป้ายเดิม...นี่วิวป้ายรถเมล์นะ
นั่งรอรถ เห็นคยญี่ปุ่นมาเที่ยวคนเดียวเยอะเหมือนกันนะ
มาแบบเรานี่แหละ จิ้มๆ แผนที่หาทางไป
มาแบบเรานี่แหละ จิ้มๆ แผนที่หาทางไป
ป้ายรถเมล์ของที่นี่ บอกครบทุกอย่างเลยดีจัง
ต้องยอมรับว่าเค้าเอาใจใส่คนใช้งานดีจริงๆ
ป้ายเล็กๆ ที่บอกรายละเอียดที่เราอยากรู้แบบครบๆ ดูง่าย ไม่มีหลง
ไม่ต้องดีไซน์อลังการแต่ใช้งานได้ดี อิจฉาเลย
ป้ายเล็กๆ ที่บอกรายละเอียดที่เราอยากรู้แบบครบๆ ดูง่าย ไม่มีหลง
ไม่ต้องดีไซน์อลังการแต่ใช้งานได้ดี อิจฉาเลย
ชอบจริงๆ
คนญี่ปุ่นเค้าก็เที่ยวกันเป็นครอบครัวก็เยอะ
ขึ้นรถมาลงที่ป้ายเดิม ตรงสถานีรถไฟเมื่อเช้า Kibuneguchi Station
เราไม่ได้จะกลับไปที่เกียวโต แต่เราจะไปเมืองโอฮาระกันต่อ
เลยต้องไปต่อรถเมล์อีกสาย เดินตามรถมาเรื่อยๆ รอดใต้สะพานเล็กๆ
เราไม่ได้จะกลับไปที่เกียวโต แต่เราจะไปเมืองโอฮาระกันต่อ
เลยต้องไปต่อรถเมล์อีกสาย เดินตามรถมาเรื่อยๆ รอดใต้สะพานเล็กๆ
เดินตามทางเรื่อยๆ
เดินมาเรื่อยๆ นิดเดียว ข้ามสะพานนี้นะ
ข้ามถนนไปรอรถที่ป้ายนั้นเลย เราจะไปโอฮาระกันต่อ
ปกติต้องกลับไปที่เกียวโตแล้วค่อยนั่งรถขึ้นไปโอฮาระใหม่นะ
และใช้เวลาเดินทางเกือบ 2 ชั่วโมงแหนะ
แต่เราไปเจอถนนเส้นตัดระหว่าง Kibune กับ Ohara ก็มีรถเมล์ไป
ดูเวลาดีๆ ขึ้นให้ถูกน่าจะประหยัดเวลาไป ชั่วโมงครึ่ง
ปกติต้องกลับไปที่เกียวโตแล้วค่อยนั่งรถขึ้นไปโอฮาระใหม่นะ
และใช้เวลาเดินทางเกือบ 2 ชั่วโมงแหนะ
แต่เราไปเจอถนนเส้นตัดระหว่าง Kibune กับ Ohara ก็มีรถเมล์ไป
ดูเวลาดีๆ ขึ้นให้ถูกน่าจะประหยัดเวลาไป ชั่วโมงครึ่ง
**ตรงนี้ต้องระวังขึ้นผิดคันนะ เวลารถมาจะแป๊ะมากๆ ถึงจะใช่นะ ดูดีๆ
สาย 55 จะเป็นรถที่วิ่งทางลัดไปสุดสายที่ Ohara Bus Stop นะ ไม่ต้องอ้อมเข้าเมือง
2 ชั่วโมงมาคัน ถ้าพลาดนี่ยาวเลยนะ เราถามคนขับก่อนขึ้นว่าใช่รถคันนี้มั้ย
ย้ำๆ ขึ้นพลาดนี่ยาวเลยนะ
สาย 55 จะเป็นรถที่วิ่งทางลัดไปสุดสายที่ Ohara Bus Stop นะ ไม่ต้องอ้อมเข้าเมือง
2 ชั่วโมงมาคัน ถ้าพลาดนี่ยาวเลยนะ เราถามคนขับก่อนขึ้นว่าใช่รถคันนี้มั้ย
ย้ำๆ ขึ้นพลาดนี่ยาวเลยนะ
รถมาแล้ว คนขับบอกโอเคะ!!โอเค!!
ขึ้นไปที่นั่งว่างมากๆ ไม่มีใครมากับเราเลย
ขึ้นไปที่นั่งว่างมากๆ ไม่มีใครมากับเราเลย
ในรถมีกันอยู่ 2 คน นั่งๆไปเพิ่งนึกได้ว่า อ่าว!! แล้วจ่ายเงินยังไงล่ะทีนี้??
นั่งชมวิวไปครื่งชั่วโมงเอง ถึงแล้ว Ohara Bus Stop
ประหยัดเวลาได้ชั่วโมงครึ่ง OMG!! ดีจัง
แล้วพอจะจ่ายตังค์!!
คือเราขึ้นมาแบบงงๆ เลยไม่ได้กดรับบัตรขึ้น
ลุงคนขับเหมือนจะบอกไม่เป็นไรไม่ต้องจ่าย แต่เราก็พยายามจ่ายนะ
ลุงโบกมือไม่ต้องๆ แล้วเราก็ลงมาแบบไม่ได้จ่าย ลุงยิ้มและหัวเราะให้เราก่อนลง
รู้สึกผิดเลย Y_Y เราไปพลาดตรงไหน ตอนนั้นมึนมากนึกว่าใช้บัตรที่มีอยู่ได้
ลุกน่ารักดี คงคิดว่า..ดีกว่าขับมาเหงาๆ คนเดียว
ประหยัดเวลาได้ชั่วโมงครึ่ง OMG!! ดีจัง

แล้วพอจะจ่ายตังค์!!
คือเราขึ้นมาแบบงงๆ เลยไม่ได้กดรับบัตรขึ้น
ลุงคนขับเหมือนจะบอกไม่เป็นไรไม่ต้องจ่าย แต่เราก็พยายามจ่ายนะ
ลุงโบกมือไม่ต้องๆ แล้วเราก็ลงมาแบบไม่ได้จ่าย ลุงยิ้มและหัวเราะให้เราก่อนลง
รู้สึกผิดเลย Y_Y เราไปพลาดตรงไหน ตอนนั้นมึนมากนึกว่าใช้บัตรที่มีอยู่ได้
ลุกน่ารักดี คงคิดว่า..ดีกว่าขับมาเหงาๆ คนเดียว
แผนการเดินวันนี้ ไม่เยอะเหมือนวันที่ผ่านมา วันนี้ขอชิวๆ
ปะ..เริ่มกันเลย
ที่ป้ายรถมีล็อคเกอร์เก็บของให้บริการด้วยนะ ใครของเยอะก็เอามาเก็บก่อน
ปะ..เริ่มกันเลย

ที่ป้ายรถมีล็อคเกอร์เก็บของให้บริการด้วยนะ ใครของเยอะก็เอามาเก็บก่อน
ข้ามถนนตรงนี้
เข้ามาแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามป้ายไปเลย
โห..เรามาเร็วขนาดนี้ยังเจอนักเรียนกำลังจะกลับ เค้ามากันกี่โมงเนี่ย
ระหว่างทางเดินมีร้านอาหารหลายร้านน่ากิน ชวนหิวอีกแล้ว
เดินผ่านสวนผักโอฮาระ เป็นระเบียบมากๆ
เริ่มมีกลิ่นหอมๆ ของโชยุ ทำให้หิวไปกันใหญ่
ร้านน่ารักน่านั่งหลายร้านเลย ดูกลมกลืนกับเมืองดีนะ
ป้ายเล็กๆ นี่..คืออะไรไม่รู้ แต่ลุงเจ้าของร้านขายผักดองบอกให้เข้าไปข้างในสิ..
เอ๊ะ..ในนี้จะมีอะไรให้ดูนะ ทำไมลุงอยากให้เข้าไปจัง
เอ๊ะ..ในนี้จะมีอะไรให้ดูนะ ทำไมลุงอยากให้เข้าไปจัง
เดินข้ามสะพานเล็กๆ ทางแคบๆ เหมือนทางเดินในป่า
ขึ้นบันไดหินมานิดหน่อย โผล่มาเจอสิ่งนี้เลย
ต้นไม่ใหญ่ๆ เยอะมากๆ มีเก้าอี้ให้นั่งชิวๆ ดูสวนผักของเมือง
ขึ้นบันไดหินมานิดหน่อย โผล่มาเจอสิ่งนี้เลย
ต้นไม่ใหญ่ๆ เยอะมากๆ มีเก้าอี้ให้นั่งชิวๆ ดูสวนผักของเมือง
เพลินๆดีนะ
ลุงแกคงอยากให้เรามานั่งเพลินๆ ตรงนี้ เหมือนเป็นจุดชมวิว
รับรู้ได้ถึงความเข้มข้นของออกซิเจน
รับรู้ได้ถึงความเข้มข้นของออกซิเจน
สูดออกซิเจนเต็มปอดแล้วเดินกันต่อ
อีกหนึ่งจุดที่ชอบมาก ทางเดินเลียบน้ำตก
เดินเงียบๆกับเสียงน้ำ นก และลม
เดินเงียบๆกับเสียงน้ำ นก และลม
โอยย..ชิวจัง
ถึงแล้ว ใช่มั้ย.. ?? นี่ป้ายอะไรไม่รู้ วันนี้ปิดป่าว??!!
เมื่อคืนพายุหนัก
เมื่อคืนพายุหนัก
เดินขึ้นมาเจอร้านอาหาร ร้านขายของชำร่วย
ดีใจ เปิดด้วยเว้ย :) ที่นี่มีโต๊ะให้นั่งจิบชาชิวๆ
เงียบมากๆเดินเบาๆ ยังได้ยินเสียงเหยียบหินชัดเลยนะ
ดีใจ เปิดด้วยเว้ย :) ที่นี่มีโต๊ะให้นั่งจิบชาชิวๆ
เงียบมากๆเดินเบาๆ ยังได้ยินเสียงเหยียบหินชัดเลยนะ
ที่โอฮาระมีวัดที่มีอายุกว่าพันปีหลายวัดเลยนะ เช่นวัด Shorinin Temple นี้
หลังคาชำรุดเกิดจากพายุเมื่อคืน วันนี้เลยปิดไม่ให้เข้าชม เสียดายจัง
วัด Shorinin นี้มีอายุพันกว่าปีแหนะ ดูขลังมาก
วัด Shorinin นี้มีอายุพันกว่าปีแหนะ ดูขลังมาก
เดินเข้าไปข้างในอีกเรื่อยๆ
ป้ายห้ามสูบบุหรี่มีอยู่ทั่วเมืองนะไม่ใช่แต่ในวัด
ป้ายห้ามสูบบุหรี่มีอยู่ทั่วเมืองนะไม่ใช่แต่ในวัด
ถึงแล้วจุดหมายแรกของเรา Hosenin Temple
วัด โฮะเซน-อิน ถูกค้นพบในปี 1012
ซึ่งเป็นวัดย่อยของวัดโซริน-อิน ในนิกาย Tendai
มีชื่อเสียงในเรื่องสวนที่เก่าแก่ที่สมบูรณ์และงดงาม
วัด โฮะเซน-อิน ถูกค้นพบในปี 1012
ซึ่งเป็นวัดย่อยของวัดโซริน-อิน ในนิกาย Tendai
มีชื่อเสียงในเรื่องสวนที่เก่าแก่ที่สมบูรณ์และงดงาม
บัตรเข้าชม วัด โฮะเซน-อิน (Hosenin Temple)
จะมีบัตรนั่งจิบชาเขียวและขนมโมจิให้ด้วยนะ
800 เยน ต่อคน
จะมีบัตรนั่งจิบชาเขียวและขนมโมจิให้ด้วยนะ
800 เยน ต่อคน
ภายในวัดมีห้องต่างๆ ที่อยู่ในสภาพดีมากๆ
ห้องนี้คือห้องชงชาสมัยโบราณ ได้อารมณ์จริงๆ แต่เราไม่ได้จิบชาห้องนี้นะ
ห้องนี้คือห้องชงชาสมัยโบราณ ได้อารมณ์จริงๆ แต่เราไม่ได้จิบชาห้องนี้นะ
เดินไปอีกห้องเข้ามาอึ้งเลย โถงชื่อดังของวัดนี้ ดูในรูปว่าสวยนะ มาเห็นของจริง
โอวววว...เลิฟ
ตรงนี้เรียกว่า Bankan-en หรือรู้จักกันในชื่อ สวนในกรอบรูป
สงบจริง ขอนั่งเงียบๆ สักชั่วโมงละกันนะ

สักพักชาก็มาเสริฟ รสชาติชาเขียวที่ถึงมากๆ มาถึงแล้ว เซนๆ แบบญี่ปุ่น
โอวววว...เลิฟ
ตรงนี้เรียกว่า Bankan-en หรือรู้จักกันในชื่อ สวนในกรอบรูป
สงบจริง ขอนั่งเงียบๆ สักชั่วโมงละกันนะ

สักพักชาก็มาเสริฟ รสชาติชาเขียวที่ถึงมากๆ มาถึงแล้ว เซนๆ แบบญี่ปุ่น
จิบชาเขียวกับขนมโมจิของที่นี่ อร่อยจริงๆ
นั่งทำสมาธิเงียบๆ อยู่กับตัวเอง ดื่มด่ำกับธรรมชาติสักพัก
ชมต้นสนสีขาวที่มีอายุกว่า 700 ปี เป็นรูปร่างภูเขา Fuji
บอกเลยที่นี่เงียบมากๆ ชอบๆ
ชมต้นสนสีขาวที่มีอายุกว่า 700 ปี เป็นรูปร่างภูเขา Fuji
บอกเลยที่นี่เงียบมากๆ ชอบๆ
และเมื่อเราเงยหน้ามองบนเพดานก็จะเห็น Chi-tenjo หรือ เพดานเลือด
โดยสร้างมาจากพื้นของปราสาท Fushimi เมื่อตอนที่มีสงคราม เหล่าซามูไรที่พ่ายแพ้ต่อข้าศึก
ได้ฆ่าตัวตายที่ปราสาทนี้ เลือดของขุนนางและซามูไรได้นองเต็มพื้น
เพื่อจารึกถึงวิญญาณของพวกเขา จึงนำพื้นปราสาทนั้นมาสร้างเพดานที่วัดนี้
ยังมีร่องรอยของการต่อสู้และคราบเลือดที่ยังมีให้เห็นอยู่นะ ขลังมาก
รู้สึกว่าทุกอย่างที่นี่มีประวัติศาสตร์ และเค้ายังเก็บรักษาและนำมาให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตให้เตือนใจกัน

อีกจุดนึงคือฟังเสียงจากท่อนไม้ไผ่ เสียงหยดน้ำติ๊งๆๆ ฝึกสมาธิ
โดยสร้างมาจากพื้นของปราสาท Fushimi เมื่อตอนที่มีสงคราม เหล่าซามูไรที่พ่ายแพ้ต่อข้าศึก
ได้ฆ่าตัวตายที่ปราสาทนี้ เลือดของขุนนางและซามูไรได้นองเต็มพื้น
เพื่อจารึกถึงวิญญาณของพวกเขา จึงนำพื้นปราสาทนั้นมาสร้างเพดานที่วัดนี้
ยังมีร่องรอยของการต่อสู้และคราบเลือดที่ยังมีให้เห็นอยู่นะ ขลังมาก
รู้สึกว่าทุกอย่างที่นี่มีประวัติศาสตร์ และเค้ายังเก็บรักษาและนำมาให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตให้เตือนใจกัน

อีกจุดนึงคือฟังเสียงจากท่อนไม้ไผ่ เสียงหยดน้ำติ๊งๆๆ ฝึกสมาธิ
ที่นี่ได้ยินแต่เสียงใบไม้ ลมพัด หยดน้ำ นกการ้อง สบายๆ
มิน่าอิคิวซังถึงคิดอะไรออกมากมายในความเงียบ
มิน่าอิคิวซังถึงคิดอะไรออกมากมายในความเงียบ
ส่วนของห้องต่างๆ ที่ดูแลอย่างดี
สักการะพระพุทธรูป
รักวัดนี้จริงๆเลย
มีเครื่องใช้เก่าๆ ไม่รู้อะไรบ้าง เยอะเหมือนกันเดินดูเพลินๆ
บริเวณทางเดิน
นั่งเงียบๆ ได้สักชั่วโมงกว่า ก็เดินออกมาไปวัดอื่นกันต่อ
แค่วัดแรกก็ฟินแล้ว ไม่รู้จะอธิบายยังไงเลย
ฟินมากๆ คุ้มค่าที่ตื่นแต่เช้าและดั้นด้นมาไกลมากๆ
ฟินมากๆ คุ้มค่าที่ตื่นแต่เช้าและดั้นด้นมาไกลมากๆ
ยังมีอีกหลายวัดที่น่าสนใจนะ แต่ว่าหิวแล้วสิ เดินไปหาอะไรกินก่อนละกัน เวลาเหลือๆ
ร้านนี้ละกัน 千咲都 ชื่ออะไรจะอ่านออกมะเนี่ย
https://goo.gl/maps/R4q6dgazKfA2
https://goo.gl/maps/R4q6dgazKfA2
เมนูแรกเป็น ซารุราเมง มาเย็นๆ เยอะมากๆๆๆๆๆ
อร่อยดีนะ แต่อะไรดลใจให้สั่งของเย็นๆ มากินตอนอากาศเย็นๆแบบนี้
เมนูสองคือ ราเมงปลาซันมะ ถ้าจำไม่ผิดนะ
มาร้อนๆ ก็อร่อยนะ นั่งกินอยู่นานเลย มันเยอะมาก
อะ..ได้เวลาเดินต่อ ไปวัด Sanzenin Temple กัน
บัตรเข้าชม 700 เยนนะ พร้อมชาเขียว
สัมผัสได้ถึงความเงียบ...
สวนสวยจริงวัดนี้ ไม่มีตรงไหนไม่มีมอสขึ้น
ที่วัด Sanzenin นี่ คนเยอะกว่า Hosenin นะ
วัดนี้ใหญ่และกว้างกว่า ทั้งตัวอาคารและบริเวณสวน
มีต้นไม้ใหญ่ๆ เยอะมากเลยๆ
ตุ๊กตาหินน่ารักๆที่แทรกอยู่ท่ามกลางสวนมอส
เดินขึ้นไปจนสุดเลย ไปไหว้พระกัน
เดินจนทั่วก็เดินกลับลงมา ผ่านวิหารหลัก ขลังมากๆ
ที่นี่ก็มีที่พักให้บริการนะ น่ามานอนมากเลย
อยู่ตอนเย็นๆ หรือออกมาเดินเล่นตอนเช้าคงชิวน่าดู โอยย อยากมาอีก
อยู่ตอนเย็นๆ หรือออกมาเดินเล่นตอนเช้าคงชิวน่าดู โอยย อยากมาอีก
ได้เวลาก็เดินกลับออกมาที่สถานีรถบัสที่เดิม ซื้อตั๋วรถกลับไปที่ สถานี Demachiyanagi
จริงๆ มีหลายสายนะ ถ้าจะกลับไปสถานีเกียวโตก็นั่งรวดเดียวถึง เรานั่งสาย 17 นะ
จริงๆ มีหลายสายนะ ถ้าจะกลับไปสถานีเกียวโตก็นั่งรวดเดียวถึง เรานั่งสาย 17 นะ
เรายังไม่กลับไปเกียวโตนะ ยังพอมีเวลา
ก็เลยว่าจะไปศาลเจ้าฟุชิมิกันต่อดีกว่า ไปดูเสาแดงหมื่นต้นกัน
พอลงจากสาย 17 ที่ Kamoohashi Bus Stop
ก็ลงไปขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Keihan Main Line ไป Fushimi กันเลย
นั่งไป 8 ป้าย 20 นาที
ลงรถไฟที่สถานีฟุชิมิอินาริ เดินลงมาจากสถานีก็เจอร้านนี้เลย Man Ko Bo Ren
https://goo.gl/maps/K15zTsHnX6n
เพื่อนแนะนำมา ว่าถึงจะอิ่มแค่ไหนก็ต้องโดนให้ได้
จัดไป...
https://goo.gl/maps/K15zTsHnX6n
เพื่อนแนะนำมา ว่าถึงจะอิ่มแค่ไหนก็ต้องโดนให้ได้
![]() |
เราเลือกเมนูที่แนะนำเลย คนละชุด...
เมนูแรก
คนอย่างเรา..ถึงจะอิ่มก็ต้องมีจานกลาง
โอยยย อร่อย
เมนูนี้เป็นเมนูฮิตของที่นี่เลย เป็น Set สึเคเม็งไก่
มาอย่างเยอะ เจ้าของร้านมารับออเดอร์เอง น่ารักมากๆ
อร่อยเวอร์..สมชื่อแชมป์
กินจนจุกก็เดิน..ถึงแล้ว ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ
ศาลเจ้าแดงหรือศาลเจ้าจิ้งจอก
ศาลเจ้าแดงหรือศาลเจ้าจิ้งจอก
ผู้คนเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธ์
โดยเทพอินาริจะเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์
การเก็บเกี่ยวข้าว รวมไปถึงพืชผลไร่นาต่างๆ และมักจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย
เป็นศาลเจ้าที่คนญี่ปุ่นจะมาขอพรเรื่องมั่นคงความรุ่งเรืองกัน
การเก็บเกี่ยวข้าว รวมไปถึงพืชผลไร่นาต่างๆ และมักจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย
เป็นศาลเจ้าที่คนญี่ปุ่นจะมาขอพรเรื่องมั่นคงความรุ่งเรืองกัน
เมื่อธุรกิจเป็นไปตามที่ขอก็จะกลับมาสร้างเสาประตูโทริอินี้บริจาคกัน
ด้านหน้าจะเห็นเรียบๆ
ด้านหน้าจะเห็นเรียบๆ
แผ่นไม้ที่ให้เอาไปวาดขอพรที่หน้าตาเป็นจิ้งจอก
วาดยังไงก็แล้วแต่เราเลย
คนญี่ปุ่นนี่เค้าสร้างสรรค์จริงๆ
วาดยังไงก็แล้วแต่เราเลย
คนญี่ปุ่นนี่เค้าสร้างสรรค์จริงๆ
เราพอมีเวลาก็เดินเข้าไปเรื่อยๆ ยิ่งลึกคนยิ่งน้อย
เดินๆ ไปก็เริ่มมืดแล้ว มาเวลานี้วังเวงดีนะ
อยากเดินถึงข้างบนแต่คงไม่ไหว ค่ำแล้ว..วันนี้ต้องกลับไปเอากระเป๋า
และย้ายไปนอนที่โอซาก้ากันแล้ว หาที่นั่งพักแล้วลงไปเดินข้างล่างกัน
เค้าบอกว่า เดินจนสุดใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงนะ และที่นี่เปิดทั้งคืน!!!
โอวว มาดึกๆ นี่...ใจต้องแข็ง แอบวังเวงนะยู
และย้ายไปนอนที่โอซาก้ากันแล้ว หาที่นั่งพักแล้วลงไปเดินข้างล่างกัน
เค้าบอกว่า เดินจนสุดใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงนะ และที่นี่เปิดทั้งคืน!!!
โอวว มาดึกๆ นี่...ใจต้องแข็ง แอบวังเวงนะยู
อันนี้น่าจะเป็นเครื่องรางนำโชคนะ
เราเดินออกยังมีคนเดินเข้า...
ระหว่างทางขากลับหน้าศาลเจ้ามีของกินของขายเพียบเลย
เดินซะหน่อย
นั่น!! ใช่เสี่ยวหลงเปามั้ยนะ..??
ดูน่าจะใช่ ของโปรดเราอยู่แล้ว จัดมาที่นึงละกัน
ดูน่ากินมากๆ..
กัดเข้าไป อ่าวเซอร์ไพรส์ !! มันคือเกี๊ยวซ่าาาาา ในหน้าตาเสี่ยวหลงเปา
อร่อยดีนะ
อร่อยดีนะ
มีอีกหลายร้านมากๆ เนื้อย่าง ปลาหมึก ราเมง ฯลฯ
ขึ้นสาย Nara Line มุ่งหน้าไปสถานีเกียวโตนะ
เดินไปเอากระเป๋าแล้วก็กลับมาขึ้น รถไฟด่วน Haruka ไปโอซาก้ากัน
จบวันที่ 4 ตรงนี้จ้า
----------------------------------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น